ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวันศุกร์ (29 มิ.ย.) สัญญาข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแผนการช่วยเหลืองภาคธนาคารครั้งใหม่ของสหภาพยุโรป (อียู) และดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเป็นปัจจัยหนุนให้แก่ตลาด
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ขยับขึ้น 2. 5 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่6.3475 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย. ปรับตัวสูงขึ้น 11.25 เซนต์ หรือ 1.51% แตะที่ 7.5725 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 24.25 เซนต์ หรือ 1.73% ปิดที่ 14.2775 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแนวโน้มเชิงบวกที่เพิ่มมากขึ้นจากยูโรโซนบดบังข้อมูลที่ผันผวนจนถึงเชิงลบในรายงาน Grain Stocks and Planting Intentions report ของกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA)
แผนช่วยเหลือวิกฤติหนี้ยูโรโซนซึ่งเปิดเผยที่การประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) กระตุ้นให้ราคาสัญญาพุ่งขึ้นทั่วทั้งกระดาน โดยเฉพาะสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งยังได้รับแรงหนุนอย่างมากจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงด้วย ดอลลาร์ที่อ่อนค่าถือเป็นปัจจัยเชิงบวกให้แก่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากทำให้ราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ขณะเดียวการปัจจัยหนุนจากราคาทองคำและน้ำมันดิบส่งให้สัญญาธัญพืชพุ่งขึ้นสูงมากในระหว่างวัน
แม้จะได้รับแรงหนุนจากยูโรโซน แต่มีแนวโน้มว่าเหมือนว่าสัญญาธัญพืชบางส่วนพุ่งขึ้นในกรอบจำกัดจากรายงานพื้นที่เพาะปลูกของ USDA
แม้ว่าก่อนหน้านี้เทรดเดอร์คาดการณ์ว่ารายงานของ USDA จะเปิดเผยตัวเลขพื้นที่เพาะปลูกธัญพืชทั้ง 3 ชนิดเพิ่มขึ้น แต่รายงานบางส่วนเสนอตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับคาดการณ์ และอีกส่วนหนึ่งที่เหนือคาดการณ์
รายงานของ USDA ระบุว่า พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดอยู่ที่ 96.4 ล้านเอเคอร์ เมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์ที่ระดับ 95.9 ล้านเอเคอร์
สำหรับพื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีตัวเลขออกมาดีกว่าคาดการณ์ที่ 56.017 ล้านเอเคอร์ เมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 55.679 ล้านเอเคอร์
พื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองบันทึกที่ระดับ 76.08 ล้านเอเคอร์ สูงกว่าระดับคาดการณ์ของเทรดเดอร์อยู่ที่ 75.5 ล้านเอเคอร์ สำนักข่าวซินหัวรายงาน