สัญญาน้ำมันดิบปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายจากความวิตกกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด NYMEX ขยับขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 86.08 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 84.21-86.37 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนพุ่งขึ้น 84 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 101.07 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 98.51-101.36 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจาก IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2556 อีก 1 ล้านบาร์เรล หรือ 1.1% เป็น 90.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน และได้คงคาดการณ์ปริมาณความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2555 ไว้เท่าเดิมที่ 89.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปีหน้าโดย IEA นั้น นับว่าสวนทางกับรายงานของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) เมื่อวานนี้ที่ประเมินว่า อัตราการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีหน้าจะอยู่ที่ 800,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ IEA ยังคาดการณ์ด้วยว่า อุปสงค์จากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หรือประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) จะแซงหน้าอุปสงค์ในกลุ่ม OECD เป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน IEA ก็ระบุด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น โดยอาจมีสาเหตุมาจากความต้องการน้ำมันที่แฝงอยู่ในตลาดเกิดใหม่ และความเสี่ยงที่อุปทานจะเผชิญสถานการณ์รุนแรง
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วที่ลดลง 26,000 ราย ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ มาอยู่ที่ 350,000 ราย และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2551
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่าสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ด้วยการขึ้นบัญชีดำบริษัทและบุคคลที่มีส่วนช่วยเหลืออิหร่านในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มาตรการคว่ำบาตรที่กลุ่มชาติตะวันตกประกาศใช้กับอิหร่านนั้น ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของอิหร่านลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 3.2 ล้านบาร์เรล/วัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีนในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยนักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า จีดีพีไตรมาส 2 ของจีนจะขยายตัวต่ำกว่า 8% เนื่องจากตลาดทั้งภายในและต่างประเทศซบเซาลงอย่างมาก