สัญญาน้ำมันดิบปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าเฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการที่จำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด NYMEX ปรับตัวขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 89.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 88.59-90.04 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอน พุ่งขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.12% ปิดที่ 105.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจาก EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ก.ค.ลดลง 809,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 377.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.82 ล้านบาร์เรล แตะที่ 205.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง และสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.62 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 123.53 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.7% สู่รดับ 92.0%
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 6.9% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. สู่ระดับ 760,000 ยูนิต และพุ่งขึ้นถึง 23.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ตัวเลขดังกล่าวนับว่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวสู่ระดับ 745,000 ยูนิต ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากเบอร์นันเก้แถลงต่อคณะกรรรมาธิการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า แม้เขามีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ แต่เขาไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอย พร้อมกับยืนยันว่าเฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการต่างๆที่จำเป็น