สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสถานการณ์ที่ไม่สงบในตะวันออกกลาง รวมถึงซีเรีย อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว และยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงเกินคาดในเดือนมิ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาด NYMEX ขยับขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 88.97 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 86.84-89.36 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 104.38 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 102.10-104.71 ดอลลาร์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในซีเรีย หลังจากรัฐบาลซีเรียได้ประกาศเตือนว่าจะใช้อาวุธเคมีหากถูกต่างชาติรุกราน ด้านนักวิเคราะห์มองว่า วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงในตะวันออกกลางซึ่งอุดมไปด้วยแหล่งสำรองน้ำมันดิบนั้น อาจส่งผลให้อุปทานพลังงานหดตัวลง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค.พุ่งขึ้น 2.72 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 380.11 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัว
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้น 1.71 ล้านบาร์เรล แตะที่ 125.24 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 4.13 ล้านบาร์เรล แตะที่ 210.04 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.0% แตะที่ 93.0%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและเยอรมนี โดยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ของสหรัฐปรับตัวลดลง 8.4% จากเดือนพ.ค. ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปี สู่ระดับ 350,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
ขณะที่สถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงแตะ 103.3 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี จาก 105.3 ในเดือนมิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นได้ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าวิกฤตหนี้ยูโรโซนได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนี