สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศจีน (CISA) เปิดเผยการคาดการณ์ทางเว็บไซต์ของสมาคมว่า ยอดการผลิตเหล็กดิบของจีนในปีนี้จะปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 31 ปี พร้อมระบุว่า ทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น “ทศวรรษทองของจีน" ซึ่งสะท้อนถึงถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วในภาคอุตสาหกรรมเหล็ก ที่ได้รับแรงกระตุ้นจากกิจกรรมการก่อสร้างที่รุ่งเรืองในประเทศ จีนสามารถผลิตเหล็กกล้าได้กว่าครึ่งของยอดผลิตการผลิตเหล็กกล้าทั่วโลกมาเป็นเวลานาน และเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมก่อสร้างและจัดหาเหล็กเพื่อตอบสนองความต้องการโลก อย่างไรก็ตาม ในหลายปีที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตเหล็กมีอยู่มากกว่าปริมาณความต้องการในตลาดหลายเท่าตัว ซึ่งส่งผลให้กิดความไม่สมดุลย์ในภาคอุตสาหกรรม
นายซู เฮอปิง นักวิเคราะห์แห่งเว้บไซต์ steelinfo.com กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้การคาดการณ์ออกมาในด้านลบครั้งนี้ เป็นผลมาจากภาวะซบเซาของระบบเศรษฐกิจมหภาค และอุปสงค์เหล็กกล้าในจีนที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของแผนการพัฒนายอดผลิตเหล็กดิบในระยะยาว
นับตั้งแต่เกิดวิกฤติทางการเงินโลกเมื่อปี 2551 ยอดการผลิตเหล็กกล้าต่อปีของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นในครึ่งแรกของปี และปรับตัวลดลงในครึ่งที่ 2 ของปี และถึงแม้ว่าราคาเหล็กดิบจะมีความผันผวน แต่ยอดผลิตในครึ่งหลังของปีก็ยังคงปรับลดลง
นายซูกล่าวว่า เนื่องจากเศรษฐกิจมหภาคซบเซาและอุปสงค์เหล็กกล้าปรับตัวลดลง จึงคาดว่ายอดผลิตเหล็กกล้าในครึ่งหลังของปี 2555 จะปรับตัวลดลง 10% เมื่อเทียบกับยอดผลิตในครึ่งแรกของปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าไม่มีการปรับขยายในยอดการผลิตหรืออาจจะติดลบเลยก็ว่าได้
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนคาดการณ์ว่า ยอดผลิตเหล็กดิบประจำปี 2555 จะแตะ 67,868 ตัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลง 0.7% สำนักข่าวซินหัวรายงาน