องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาอาหารทั่วโลกซึ่งจัดทำโดย FAO และเป็นมาตรวัดการเปลี่ยนแปลงราคาอาหารประจำเดือนประเภทธัญพืช น้ำตาล ถั่วที่ใช้ผลิตน้ำมัน เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 213 จุดในก.ค. เพิ่มขึ้น 6% จาก 201 จุดในเดือนมิ.ย.
FAO เปิดเผยในรายงานว่า การปรับเพิ่มขึ้นแบบเฉียบพลัน หลังราคาอาหารปรับลดลงเป็นเวลา 3 เดือนก่อนหน้านี้ มีปัจจัยมาจากราคาเมล็ดพันธุ์และราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ราคาเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ถึงแม้ดัชนีราคาอาหารจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าจุดสูงสุด 238 จุดเมื่อก.พ. 2554 แต่ยังคงระดับสูงกว่าราคาอาหารในช่วงวิกฤติราคาอาหารในปี 2550-2551
ในขณะเดียวกัน ดัชนีราคาธัญพืชของ FAO เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 260 จุดในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 17% จากเดือนมิ.ย. ซึ่งอยู่ในระดับ 14 จุดต่ำกว่าระดับที่สูงที่สุด 274 จุดในเดือนเม.ย. 2551
การเก็บเกี่ยวข้าวโพดที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เป็นผลกระทบที่เกิดจากความแห้งแล้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวโพดรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่งผลให้ราคาข้าวโพดพุ่งสูงขึ้นเกือบ 23% ในก.ค.
นอกจากนี้ ราคาข้าวสาลีในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น 19% เนื่องจากแนวโน้มการผลิตที่ย่ำแย่ลงในรัสเซีย และคาดการณ์อุปสงค์ข้าวสาลีจากบริษัทที่ใช้ข้าวสาลีในการเลี้ยงสัตว์ลดลง เนื่องจากมีจำนวนข้าวโพดน้อยลง
อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวเดือนก.ค. ยังคงอยู่ในระดับเดิม โดยดัชนีราคาข้าวในตลาดโดยรวมของ FAO อยู่ที่ระดับ 238 จุด ซึ่งอยู่เหนือระดับราคาข้าวในเดือนมิ.ย.เพียง 1 จุดเท่านั้น ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวได้ว่าราคาธัญพืชถึงระดับสูงสุดแล้ว
นายไรแลนด์ มอลต์สบาร์เกอร์ ผู้อำนวยการและหัวหน้านักเศรษศาสตร์แห่ง ไอเอชเอส อะกรีคัลเจอร์ เซอร์วิสเซส เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า “ตลาดกำลังรอข้อมูลอยู่ หากเราได้รับข้อมูลว่าสภาวะแห้งแล้งแย่ลง ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นไปอีก"
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดจะทราบอย่างแน่ชัดในเดือนก.ย.และต.ค. อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จากการเกษตรต่างๆ จะคงอยู่ในระดับสูงไปจนถึงปลายปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน