สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ส.ค.) ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้ความต้องการพลังงานทั่วโลกซบเซาลงด้วย หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงในไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัวน้อยเกินคาดในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาด NYMEX ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 92.73 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 92.05-94.14 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนปรับขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.6 % สู่ 113.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 113.09-115.11 ดอลลาร์
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ประกาศลดการประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2555 ลงเหลือ 7.7% จากระดับ 8% และบาร์เคลย์ส อินเวสต์เมนท์ แบงก์ ซึ่งเป็นหนึ่งในวาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลก ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของจีนในปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.9% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีถึง 8.1%
นอกจากนี้ บาร์เคลย์คาดว่ารัฐบาลจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากยอดส่งออกเดือนก.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 1.0% ซึ่งชะลอลงหลังจากที่การส่งออกพุ่งขึ้น 11.3% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.7% หลังจากดีดตัวขึ้น 6.3% ในเดือนมิ.ย. ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.ค.ของจีนร่วงลงสู่ระดับ 2.51 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับระดับ 3.17 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่ 10 ส.ค. ซึ่งสำนักงานสารเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.4%