สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงซีเรียและเลบานอน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 95.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 93.93-95.75 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 116.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 115.50-117.03 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ส.ค. เพิ่มขึ้น 2,000 ราย มาอยู่ที่ 366,000 ราย อย่างไรก็ดี แนวโน้มตลาดแรงงานโดยรวมส่งสัญญาณกระเตื้องขึ้น โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 5,500 ราย มาอยู่ที่ 363,750 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยข้อมูลนี้ถูกมองว่าสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์
ด้านกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างอยู่ที่ 812,000 ยูนิตในเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 6.8% จากเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 หรือในรอบ 4 ปี และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.3% สู่ระดับ 770,000 ยูนิต ขณะที่เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างเพิ่มขึ้น 29.5%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งแล้ว สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเช่นกัน หลังจากสถานการณ์ไม่สงบในซีเรียได้ลุกลามไปถึงเลบานอน ส่งผลให้รัฐบาลซาอุดิอาระเบียและประเทศอื่นๆในอ่าวอาหรับ ตัดสินใจอพยพประชาชนออกจากซีเรีย
นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน รวมทั้งช่าวการปิดซ่อมบำรุงของบ่อน้ำมันหลักๆหลายแห่งในทะเลเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบเบรนท์