ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) สัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์และความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลผลิตในรัสเซีย ขณะที่ฝนที่ตกในระยะนี้ยังกดดันสัญญาถั่วเหลืองไม่ให้ดีดตัวขึ้นในการซื้อขายเมื่อวานนี้
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 3.5 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 8.04 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 15.5 เซนต์ หรือ 1.79% แตะ 8.8175 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 9.2 เซนต์ หรือ 0.57% ปิดที่ 16.2525 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
ข้าวสาลีปรับตัวขึ้นสูงสุดในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคาดว่า ผลผลิตในรัสเซียอาจจะลดลงอย่างต่อเนื่องเพราะสภาพอากาศยังคงแห้งแล้ง นอกจากนี้ ข้าวสาลียังได้ปัจจัยหนุนจากการปรับลดประมาณการณ์พื้นที่เพาะปลูกของกระทรวงเกษตรของอาร์เจนตินาจาก 3.82 ล้านเฮคตาร์ ลงเหลือ 3.7 ล้านเฮคตาร์ ในขณะที่สภาพอากาศในออสเตรเลียมีความแห้งแล้งมากขึ้น ภาวะในต่างประเทศเหล่านี้ คาดว่าจะทำให้ความต้องการข้าวสาลีจากสหรัฐปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาข้าวโพดยังได้รับปัจจัยหนุนมาจากตลาดข้าวสาลี เนื่องจากเทรดเดอร์คิดว่าขณะนี้สายเกินไปแล้วที่ข้าวโพดจะฟื้นตัวจากภัยแล้งในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา โดยอากาศที่ร้อนอบอ้าวส่งผลให้ผลผลิตข้าวโพดลดลงสู่สถิติต่ำสุดมาอย่างต่อเนื่อง
ฝนที่ตกในสัปดาห์นี้ได้ช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศต่อการเพาะปลูกถั่วเหลือง เนื่องจากช่วงต้นเดือนสิงหาคมเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดต่อภาวะการเติบโตของพืช น้ำฝนช่วยให้เมล็ดถั่วเหลืองมีความชุ่มชื้นที่จำเป็น และช่วยลดความวิตกกังวลในระยะนี้ไปได้
แต่อย่างไรก็ดี มีเพียงถั่วเหลืองเท่านั้นที่มียอดส่งออกเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งสัญญาณว่า สินค้าเกษตรรายอื่นๆ อาจจะมีปัญหาในด้านอุปสงค์ในอนาคต
ปริมาณการส่งออกประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 9 สิงหาคม ถั่วเหลืองมียอดส่งออกสูงกว่า 1 ล้านตัน ในขณะที่ข้าวโพดอยู่ที่ 253,300 ตัน และยอดส่งออกข้าวสาลีอยู่ที่ 396,700 ตัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน