ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) สัญญาข้าวโพด ข้าวสาลี และถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าช่วยหนุนการซื้อขายในตลาด ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าปริมาณผลผลิตธัญพืชของสหรัฐอยู่ในระดับต่ำกว่าคาด
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวสูงขึ้น 16.5 เซนต์ หรือ 2.04% ปิดที่ 8.2375 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวสูงขึ้น 8.25 เซนต์ หรือ 0.92% แตะที่ 9. 0275 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองพุ่งขึ้นอย่างมาก 37.75 เซนต์ หรือ 2.29% ปิดที่ 16.835 ดอลลาร์ต่อบุชเชล
ตลาด CME (Chicago Mercantile Exchange) รายงานว่า ผลผลิตข้าวโพดของสหรัฐอยู่ระดับต่ำเกินคาด และคุณภาพของข้าวโพดในรัฐเซาธ์ ดาโกตา รวมทั้งรายงานด้านปริมาณและคุณภาพของข้าวโพดในภาพรวม ย่ำแย่กว่าเทรดเดอร์เดอร์คาดการณ์ไว้
ด้านกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) รายงานว่า กลุ่มผู้ส่งออกเอกชนจำหน่ายข้าวโพด 121,000 ตันให้แก่เม็กซิโกเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้แก่ตลาดข้าวโพด นอกเหนือจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
สัญญาข้าวสาลีได้รับแรงหนุนในช่วงเริ่มเปิดตลาด หลังนักวิเคราะห์รัสเซียซึ่งปรับทวนคาดการณ์ผลผลิตข้าวสาลีรัสเซียอยู่ที่ 39-41 ล้านตัน จากตัวเลขประมาณการเดิมที่ 40.5-42.5 ล้านตัน
เทรดเดอร์ยังเข้าซื้อเก็งกำไรสัญญาข้าวสาลีเพิ่มขึ้น โดยเทรดเดอร์บางส่วนเชื่อว่ายอดส่งออกข้าวสาลีของภูมิภาคทะเลดำจะชะลอตัวในไตรมาสหน้า ซึ่งอาจจะทำให้ความต้องการข้าวสาลีในอเมริกาเหนือปรับตัวสุงขึ้น
ขณะเดียวกันมีแรงซื้อของกลุ่มกองทุนและแรงซื้อเพื่อการค้า ภายหลังสัญญาถั่วเหลืองดีดขึ้นสู่แดนบวกในช่วงเช้า ขานรับมุมมองที่ว่าสภาพอากาศที่เย็นและชื้นขึ้นอาจไม่สามารถฟื้นฟูผลผลิตถั่วเหลืองสหรัฐได้มากเท่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
รายงานของ CME ยังเผยให้เห็นว่าผลผลิตถั่วเหลืองในรัฐเซาธ์ ดาโกต้าต่ำกว่าคาดการณ์ และมีฝักถั่วงอกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย สำนักข่าวซินหัวรายงาน