สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะใช้มาตรการควบคุมการลุกลามของวิกฤตหนี้สาธารณะในภูมิภาคได้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 96.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนก.ย.ได้รับกำหนดส่งมอบแล้วในวันที่ 21 ส.ค. ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 58 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 96.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ หรือ 0.83% ปิดที่ 114.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมัน WTI ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่าอีซีบีจะสามารถควบคุมการลุกลามของวิกฤตหนี้ได้ แม้ธนาคารกลางเยอรมนีได้แสดงความเห็นในเชิงคัดค้านอีซีบีในเรื่องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือประเทศยุโรปที่ประสบปัญหา โดยธนาคารกลางเยอรมนีระบุว่า การซื้อพันธบัตรดังกล่าวจะก่อให้เกิดความเสี่ยงตามมา
นักลงทุนคาดหวังว่าการประชุมระหว่างผู้นำยุโรปจะสามารถคลี่คลายวิกฤตหนี้สาธารณะได้ โดยมีรายงานว่านายแอนโตนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีกรีซ จะเดินทางไปยังเยอรมนีและฝรั่งเศสในวันที่ 24-25 ส.ค. และนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี จะประชุมร่วมกันในวันที่ 23 ส.ค.นี้
นักลงทุนยังจับตาดูข่าวที่ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ หารือกันเกี่ยวกับการแผนการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ในปีนี้ เมื่อราคาค้าปลีกน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเกือบแตะระดบ 4 ดอลลาร์/บาร์เรล และสหภาพยุโรป เตรียมใช้มาตรการระงับการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 100,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3%