ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวันศุกร์ (24 ส.ค.) สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากมุมมองเกี่ยวกับยอดส่งออกที่แข็งแกร่ง ขณะที่สัญญาข้าวโพดและข้าวสาลีปรับตัวลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าได้สร้างแรงกดดันให้แก่ภาวะการซื้อขาย และราคาธัญพืชที่สูงขึ้นเมื่อไม่นานนี้เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกธัญพืชทั้งสอง
สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลดลง 6.25 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 8.085 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลดลง 6.25 เซนต์ หรือ 0.7% แตะที่ 8. 885 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับตัวสูงขึ้น 16.5 เซนต์ หรือ 0.96% ปิดที่ 17.315 ดอลลาร์/บุชเชล
ปัจจัยภายนอกตลาดมีความผันผวนเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในระหว่างช่วงการซื้อขาย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบลดลง และดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งดอลลาร์ที่แข็งค่าสร้างแรงกดดันให้แก่สินค้าโภคภัณฑ์เกษตร เนื่องจากทำให้ราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น
ดอลลาร์ที่แข็งค่าซึ่งถือเป็นปัจจัยเชิงลบถ่วงแรงกดดันในตลาดข้าวโพดและข้าวสาลี โดยสัญญาทั้งสองปรับตัวลดลงต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่ 3
นอกจากนี้ ข้าวโพดและข้าวสาลียังได้รับแรงกดดันจากมุมมองด้านความต้องการที่ลดลง เนื่องจากภัยในฤดูร้อนนี้ของสหรัฐดันให้ราคาข้าวโพดสู่ระดับสูงสุด ข้าวโพดและข้าวสาลีสหรัฐจึงดึงดูดผู้ซื้อจากต่างประเทศได้น้อยลง และอาจเปลี่ยนใจเลือกซื้อผลผลิตจากบราซิลที่มีราคาถูกกว่าแทน
อย่างไรก็ดี เทรดเดอร์ยังจับตาดูพยากรณ์อากาศของสัปดาห์นี้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความกังวลเกี่ยวกับพายุโซนร้อนไอแซคที่กำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาอาจส่งผลกระทบที่สร้างความเสียหาย ขณะเดียวกันคาดว่าจะเกิดฝนในพื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐ ซึ่งลดแรงหนุนบางส่วนที่เกิดจากวิตกกังวลด้านสภาพอากาศ
ด้านสัญญาถั่วเหลืองสวนทางกับสัญญาธัญพืชอื่นๆ และปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ เนื่องจากความต้องการข้าวโพดสหรัฐอย่างแข็งแกร่งช่วยหนุนการส่งออกอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภัยแล้งในสหรัฐยังลดผลผลิตถั่วเหลืองในประเทศอย่างมาก ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงหนนุให้แก่ตลาดถั่วเหลือง สำนักข่าวซินหัวรายงาน