ราคาน้ำมัน WTI ลดลง 89 เซนต์ หลังจี-7 เตือนราคาน้ำมันสูงอาจกระทบศก.โลก

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 29, 2012 19:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ปรับตัวลดลงมากสุด 89 เซนต์ แตะ 95.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 11.43 น.ตามเวลาลอนดอน หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐเพิ่มขึ้น และหลังจากที่กลุ่มจี-7 ระบุว่า ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล

ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ส.ค.ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 150,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.3%

อีกปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันลดลงคือ การที่บรรดารัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือจี-7 ได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกเพิ่มการผลิต โดยระบุว่าจี-7 พร้อมจะดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันในตลาด

“เรายังคงระมัดระวังความเสี่ยงที่จะมีต่อเศรษฐกิจโลก โดยในกรณีของความเสี่ยงรุนแรงจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงนั้น เรากำลังจับตาดูสถานการณ์ในตลาดน้ำมันอย่างใกล้ชิด" รัฐมนตรีคลังกลุ่มจี-7 ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งที่ออกโดยกระทรวงการคลังสหรัฐ

แถลงการณ์ระบุว่าการทะยานขึ้นในปัจจุบันของราคาน้ำมันสะท้อนความวิตกทางการเมืองทั่วโลกและปัญหาด้านอุปทานบางส่วน

นอกจากนั้นสถานการณ์ในเวเนซูเอลาที่ดีขึ้นยังทำให้ราคาน้ำมันลดลง โดยนายราฟาเอล รามิเรซ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันและเหมืองแร่ของเวเนซูเอลา ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ดับไฟที่ลุกไหม้โรงกลั่นน้ำมัน Amuay ได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เหตุก๊าซรั่วที่โรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวทำให้เกิดการระเบิดขึ้นในช่วงประมาณ 01.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ถังกักเก็บน้ำมันที่ 1 และ 2 แล้วลุกลามไปยังถังที่ 3 โดยคร่าชีวิตผู้คนไป 48 รายและบาดเจ็บสาหัสอีก 84 ราย บ้านเรือนและธุรกิจใกล้เคียงอีกกว่า 500 แห่งรวมถึงรถยนต์ได้รับความเสียหาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ