สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าเฟดพร้อมดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการใช้มาตรการใดๆในทันที
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.85 ดอลลาร์ หรือ 1.96% ปิดที่ 96.47 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นทั้งหมด 32 เซนต์ หรือ 0.33% ในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.92 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 114.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายเบอร์นันเก้กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งได้รับการคาดหวังไว้สูง โดยให้ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในปัจจุบันว่า “ยังไม่น่าพอใจ" และพร้อมใช้แผนกระตุ้นเพิ่มเติม
นักวิเคราะห์เชื่อว่า คำพูดของนายเบอร์นันเก้หมายถึงการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้
เรย์มอนด์ คาร์โบน ประธานบริษัทพาราเมาท์ ออพชั่นส์ ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ในตลาดน้ำมันกล่าวว่า “ภายหลังการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเบอร์นันเก้ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ก็อาจจะดำเนินการในเรื่องมาตรการกระตุ้นเช่นเดียวกัน"
ทั้งนี้ กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางต่างๆ ส่งผลให้ตลาดมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปีที่อัตรา 2.8% จากปัจจัยหนุนของอุปสงค์ยานยนต์และเครื่องบินที่ขยายตัวดีขึ้น
ในขณะเดียวกัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนส.ค.พุ่งสูงเกินคาดสู่ระดับ 74.3 จากระดับ 72.3 ในเดือนก่อนหน้านี้ และทำสถิติพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยหนุนหลังเยอรมนีและอิตาลีออกมาปฏิเสธการรายงานข่าวเกี่ยวกับการปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองของประเทศ ในขณะที่ตลาดกำลังจับตาดูการประชุมในเรื่องกลยุทธ์ด้านการสำรองน้ำมันของกลุ่มประเทศตะวันตกอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า รัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศจี-7 ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน โดยระบุว่าอาจผลักดันให้อิตาลีปล่อยน้ำมันสำรองเพื่อชดเชยยอดส่งออกที่ลดลงของประเทศอันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของกลุ่มประเทศตะวันตก สำนักข่าวซินหัวรายงาน