สัญญาทองคำปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน เพราะได้รับแรงขายกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมกันในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ ขณะที่ในวันพุธ ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีจะมีคำวินิจฉัยต่อกรณีการจัดตั้งกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธันวาคมปรับตัวลดลง 7.70 ดอลลาร์ หรือ 0.4% แตะที่ 1,732.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ตามเวลาประเทศไทย
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในตะกร้าสกุลเงิน โดยดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นไม่เป็นผลดีต่อราคาทอง เพราะทำให้ทองซึ่งซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ นักลงทุนจึงสนใจเข้าซื้อทองคำลดลง
นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนยังได้เข้ามาขายทำกำไรหลังจากที่ราคาทองพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เพราะข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของสหรัฐได้เพิ่มความหวังว่า เฟดจะตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายวันพุธและพฤหัสบดีนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 34.9 ดอลลาร์ หรือ 2.05% ปิดที่ 1,740.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยเกินคาดเพียง 96,000 ตำแหน่ง เทียบกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง หลังจากปรับตัวสูงขึ้น 141,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถูกปรับทบทวนลงจากรายงานเบื้องต้นที่ 163,000 ตำแหน่ง
เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐกำลังจับตาสถานการณ์ในตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นปัจจัยประกอบการตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่หรือไม่ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดเหล่านี้บ่งชี้ว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐยังไม่มีเสถียรภาพ และอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
โดยปกติแล้ว ทองคำจะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเงินต่างๆ เช่น มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เนื่องจากนักลงทุนจะเข้าซื้อโลหะมีค่า เพราะวิตกว่ามาตรการเหล่านี้อาจทำให้มูลค่าของเงินลดลง นอกจากนี้ นักลงทุนมักใช้ทองเป็นตัวปกป้องความเสี่ยงจากเงินเฟ้อซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่างๆ