สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงาน อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน หลังจากยอดการนำเข้าของจีนหดตัวลงในเดือนที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ขยับขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 96.54 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 95.34-96.63 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 114.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 113.92-115.05 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3 หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 96,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของจีน หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงผลผลิตมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพียง 8.9% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2552 ขณะที่ยอดการนำเข้าเดือนส.ค.ร่วงลง 2.6% แตะ 1.513 แสนล้านดอลลาร์ และยอดการส่งออกเพิ่มขึ้นเพียง 2.7%แตะที่ 1.7797 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายอาลี อัล-ไนมี รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบียได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับเพิ่มการผลิต
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 950,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.4%
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีจะมีคำวินิจฉัยต่อกรณีการจัดตั้งกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซน ในวันพุธนี้