สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 0.9% แตะที่ 98.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 12.55 น.ตามเวลาลอนดอน ขานรับข่าวศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีอนุมัติการให้สัตยาบันรับรองกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) รวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่าจีนและสหรัฐจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ราคาน้ำมันดิบสูงเกินระดับ 98 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีตัดสินใจที่จะไม่ออกคำสั่งห้ามชั่วคราวตามที่กลุ่มผู้ยื่นคำร้องต้องการเพื่อป้องกันไม่ให้ปธน.โจคิม กอค ของเยอรมนี ดำเนินกระบวนการให้สัตยาบันกองทุน ESM และสนธิสัญญาการคลังของยุโรปด้วยการลงนามเป็นกฎหมาย
นอกจากนั้นราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการที่นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีน เปิดเผยว่า จีนยังมีโอกาสที่จะใช้มาตรการด้านการคลังและการเงินเพื่อสนับสนุนการขยายตัว และจะบรรลุซึ่งเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปีนี้
ขณะเดียวกันคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ได้เปิดฉากการประชุม 2 วันในวันนี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าอาจมีการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อวานนี้การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ย. โดยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่ม 221,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นพุ่ง 2.5 ล้านบาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลงแตะ 84.3%
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 950,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.4%