สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะทำให้อุปสงค์พลังงานหดตัวลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 97.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 96.31-98.06 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 115.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 115.00-116.67 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI อ่อนตัวลง หลังจาก EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.99 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 359.09 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.48 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 128.55 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 950,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.18 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 197.72 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลง 1.80 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 1.4% สู่ระดับ 84.7% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีอนุมัติการให้สัตยาบันรับรองกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) เมื่อวานนี้ ซึ่งจะเป็นการปูทางให้ ESM เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการกู้วิกฤตยูโรโซนได้ โดย ESM เป็นกองทุนช่วยเหลือถาวรของสหภาพยุโรปและมีวงเงิน 5 แสนล้านยูโร ซึ่งจะดำเนินการต่อจากกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) นั้น แต่เดิมมีแผนที่จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ก.ค.
นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันนี้ โดยนักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรืออาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเพียง 96,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง