สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความตึงเครียดระหว่างกลุ่มชาติตะวันตกและอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์นั้น จะทวีความรุนแรงมากขึ้น และจากตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัดหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับลดตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 1.87 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 91.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 89.88-92.39 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.97 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 112.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 109.68-112.49 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐได้ย้ำคำมั่นสัญญาว่า สหรัฐจะดำเนินการทุกทางเพื่อไม่ให้อิหร่านได้ครอบครองอวุธนิวเคลียร์ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล เรียกร้องให้มีการกำหนดเส้นตายที่ชัดเจนว่าอิหร่านจะไม่มีอาวุธนิวเคลียรในครอบครอง
ความตึงเครียดในเรื่องดังกล่าวเริ่มร้อนแรงขึ้นเมื่อประธานาธิบดีมาห์หมุด อามาดิเนจ๊าด ของอิหร่านได้ออกมาตอบโต้ว่า อิหร่านมีแสนยานุภาพที่ร้ายแรงพอที่จะกำจัดทุกฝ่ายที่พยายามจะทำลายโรงงานอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 ก.ย. ลดลง 26,000 ราย มาอยู่ที่ 359,000 ราย ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 375,000 ราย รวมทั้งรายงานที่ว่านายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอยของสเปน ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดยอดขาดดุลงบประมาณลงอย่างน้อย 1.8 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.31 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่าวันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยการประมาณการครั้งสุดท้ายของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2555 ในวันนี้ โดยทางกระทรวงได้ปรับลดจีดีพีไตรมาส 2 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3% จากการประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 1.7% เนื่องจากการบริโภคส่วนบุคคลและยอดส่งออกที่ชะลอตัวลง