สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของสเปน อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนไหวอย่างผันผวนตลอดทั้งวัน เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 34 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 92.19 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นทั้งหมด 7.23 ดอลลาร์ หรือ 7.84% ในไตรมาสที่ 3 หลังจากที่ลดลง 17.5% ในไตรมาสที่ 2
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ ปิดที่ 112.39 ดอลลาร์/บาร์เรล และกำลังไต่ระดับไปปิดปรับตัวขึ้นทั้งหมด 15% ในไตรมาสนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI เริ่มดีดตัวขึ้นหลังสเปน ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของยูโรโซน ประกาศรายละเอียดกรอบเวลาของแผนปฏิรูปเศรษฐกิจและงบประมาณปี 2556 ซึ่งช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกัลวิกฤตหนี้สินในยูโรโซน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับปัจจัยหนุนจากผลการทดสอบภาวะวิกฤตของธนาคารในสเปนที่ส่วนใหญ่ผ่านการทดสอบ ถึงแม้ว่าจะยังขาดเงินทุนอีก 5.93 หมื่นล้านยูโร ในกรณที่เศรษฐกิจยูโรโซนทรุดตัวลงอย่างรุนแรงก็ตาม
ในส่วนของตลาดสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากการปิดซ่อมบำรุงบ่อน้ำมันในทะเลเหนือ ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันลดลง
แต่อย่างไรก็ดี ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้จำกัดแรงบวกของสัญญาน้ำมันดิบในระหว่างวัน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่อย่างไรก็ดี ภายหลังการที่มีการปรับค่าเงินเฟ้อแล้ว ยอดการใช้จ่ายจริงของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ขณะที่ทางกระทรวงระบุว่า รายได้ส่วนบุคคลเดือนส.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.1% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอ
นอกจากนี้ ดัชนี PMI เขตชิคาโก ซึ่งเป็นมาตรวัดกิจกรรมของภาคธุรกิจในเขตชิคาโก ลดลงสู่ระดับ 49.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยตัวเลขดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคธุรกิจ
ด้านรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 78.3 จากระดับ 74.3 ในเดือนส.ค. เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองในแง่ลบต่อภาวะเศรษฐกิจน้อยลง สำนักข่าวซินหัวรายงาน