สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าการฟื้นตัวของภาคการผลิตสหรัฐจะช่วยหนุนอุปสงค์พลังงานให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.31% ปิดที่ 92.48 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 91.26-93.33 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปรับตัวลง 20 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 112.19 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 111.47-113.27 ดอลลาร์
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 49.6 ในเดือนส.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 49.7 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรก หลังจากหดตัวมาสามเดือนติดต่อกัน
ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ที่กลับมาขยายตัวขึ้นในเดือนที่แล้วเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ดีดตัวขึ้น โดยดัชนียอดสั่งซื้อใหม่พุ่งขึ้นแตะ 52.3 ในเดือนก.ย. จาก 47.1 ในเดือนส.ค. และดัชนีการส่งออกเพิ่มขึ้นแตะ 48.5 จาก 47.0
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ในขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์อ่อนแรงลง หลังจากสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนเดือนก.ย. ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 49.8 จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 49.2 อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 350,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 150,000 บาร์เรล นอกจากนี้ คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.4%