สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างซีเรียและตุรกีทำให้มีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้นต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดดีดตัวขึ้น 3.57 ดอลลาร์ หรือ 4.05% แตะที่ 91.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 4.41 ดอลลาร์ หรือ 4.08% ปิดที่ 112.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
หลังราคาดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันก่อน ราคาน้ำมันดิบได้ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างซีเรียและตุรกีได้จุดปะทุความกังวลเกี่ยวกับอุปทาน เมื่อพิจารณาถึงท่อส่งน้ำมันจำนวนมากทั่วภูมิภาคดังกล่าว
ทั้งนี้ ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังรัฐบาลซีเรียและฝ่ายต่อต้าน จนส่งผลให้กระสุนลูกหลงของกองทัพรัฐบาลลอยไปตกในพรมแดนของตุรกีที่อยู่ติดกับซีเรีย และเป็นเหตุให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 5 ราย ตุรกีจึงได้ยิงปืนใหญ่ตอบโต้ซีเรีย นอกจากนี้ ตุรกียังเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติเข้ามาแทรกแซง
ส่วนความไม่ลงรอยระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านก็ยังคงมีอยู่และเป็นปัจจัยที่กระทบอุปทาน
ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นและได้หนุนราคาน้ำมันดิบ ขณะที่เกิดเพลิงไหม้เมื่อช่วงเย็นวันพุธที่โรงกลั่นของเอ็กซอน โมบิล คอร์ปในเมืองเบย์ทาวน์ รัฐเท็กซัส โดยโรงกลั่นดังกล่าวมีกำลังการผลิต 560,000 บาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบยูโร หลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีพร้อมเริ่มดำเนินการซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศยูโรโซนอย่างรวดเร็วที่สุดหลังจากที่มีการบรรลุเงื่อนไขต่างๆอย่างครบถ้วน โดยนายดรากิแสดงความคิดเห็นดังกล่าวหลังจากอีซีบีมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่