สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออก รวมถึงจีน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 89.33 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 88.21-89.89 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ขยับลง 20 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 111.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 110.54-112.24 ดอลลาร์
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาหลังจากธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ไม่นับรวมญี่ปุ่น จะขยายตัว 7.2% ในปี 2555 ซึ่งลดลง 0.4% จากการคาดการณ์ที่เปิดเผยในเดือนพ.ค. และคาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคแห่งนี้จะฟื้นตัวเล็กน้อยในปีหน้า
ธนาคารโลกเตือนว่า เศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกจะเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยูโรโซน ซึ่งธนาคารโลกระบุว่าอาจส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงกว่า 2% ในปีหน้า หากวิกฤตหนี้ยูโรโซนกลายเป็นภาวะความวุ่นวายทางการเงินขนานใหญ่
ส่วนการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งอยู่ที่ 9.2% ในปี 2554 นั้น ธนาคารโลกคาดว่าจะชะลอลงเหลือ 7.7% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับทวนลงจากการขยายตัว 8.2% ที่ประเมินไว้ในเดือนพ.ค. โดยมีสาเหตุจากการส่งออกที่ซบเซาและการขยายตัวด้านการลงทุนที่ลดลง นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ในยูโรโซนโดยรมว.คลังกลุ่มยูโรโซนได้ประชุมร่วมกันที่ลักเซ็มเบิร์กเมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมได้มีการประกาศใช้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESM) มูลค่า 5 แสนล้านยูโร ซึ่งเป็นกองทุนถาวรที่จะให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาด้านการเงิน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูโรโซนหลังจากที่นายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนีเปิดเผยว่า สเปนกำลังดำเนินการทุกอย่างเท่าที่จำเป็นและยังไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงิน อย่างน้อยก็ในระยะนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้