สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 1.06 ดอลลาร์ แตะที่ 92.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 13.06 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ เพราะได้แรงหนุนจากความวิตกกังวลที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดที่รุนแรงขึ้นระหว่างตุรกีและซีเรียอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันจากตะวันออกกลาง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาไทย
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นหลังจากตุรกีได้ยึดคลังสินค้าบนเครื่องบินโดยสารของซีเรีย และจากรายงานที่ว่ามีการค้นพบชิ้นส่วนอาวุธและอุปกรณ์การสื่อสารทางทหาร ขณะเดียวกันมีรายงานว่า องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ได้วางแผนที่จะปกป้องตุรกีจากการโจมตีของซีเรีย ซึ่งแสดงให้เห็นว่านาโต้พร้อมที่จะใช้กำลังทางทหารเพื่อช่วยเหลือตุรกีหากจำเป็น และสถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวให้เกิดความกังวลว่าการส่งออกน้ำมันจากตะวันออกกลางอาจลดลง
ขณะที่เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย การปิโตรเลียมสหรัฐ หรือ API ได้เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 6.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 320,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 220,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะทรงตัวที่ 88.2%
EIA คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 จะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับเดียวกับในปี 2555 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากประเทศนอกกลุ่มโอเปค โดยคาดว่าประเทศในกลุ่มนี้ที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือสหรัฐและแคนาดา
ทั้งนี้ EIA คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 7.5% สู่ระดับ 10.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 5% สู่ระดับ 11.44 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า ขณะเดียวกันคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของแคนาดาจะเพิ่มขึ้น 8.3% แตะที่ 3.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 4.9% สู่ระดับ 4.09 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า
นอกจากนี้ EIA คาดว่า ปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะอยู่ที่ 89.09 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ 90.01 ล้านบาร์เรล