สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนพ.ย. ร่วงลง 1.04 ดอลลาร์ แตะที่ 90.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 12.47 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกจะส่งผลให้ความต้องการเชื้อเพลิงลดลงด้วย
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมีขึ้นหลังจากนายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอิสราเอลกล่าวว่า "เศรษฐกิจโลกใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย" ซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มความวิตกกังวลหลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้เตือนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า จีนซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก มียอดการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง 1.8% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี มาอยู่ที่ระดับ 20.08 ล้านตัน
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยจะตัวเลขดังกล่าวในวันพุธนี้ตามเวลาไทย หลังจากสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ต.ค. เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 366.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล
EIA คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 จะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับเดียวกับในปี 2555 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากประเทศนอกกลุ่มโอเปค โดยคาดว่าประเทศในกลุ่มนี้ที่จะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือสหรัฐและแคนาดา
ทั้งนี้ EIA คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 7.5% สู่ระดับ 10.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 5% สู่ระดับ 11.44 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า ขณะเดียวกันคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของแคนาดาจะเพิ่มขึ้น 8.3% แตะที่ 3.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 4.9% สู่ระดับ 4.09 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า