สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากจีนเปิดเผยจีดีพีที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 3 และสหรัฐรายงานว่าผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ขยับลง 2 เซนต์ ปิดที่ 92.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 90.66-92.59 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 80 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 112.42 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 111.57-113.63 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ของจีน ขยายตัว 7.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี นับเป็นการขยายตัวที่ช้าลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 7.6% และ 8.1% ในไตรมาสแรก
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. ปรับตัวขึ้น 46,000 ราย มาอยู่ที่ 388,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 365,000 ราย อันเนื่องมาจากปัจจัยผันผวนทางเทคนิคในช่วงต้นไตรมาส
ตลาดได้รับปัจจัยลบมากขึ้นเมื่อกลด์แมน แซคส์ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปี 2556 ลงมาอยู่ที่ระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 130 ดอลลาร์ เนื่องจากประเทศนอกกลุ่มโอเปคจะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ต.ค.ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.86 ล้าน บาร์เรล สู่ระดับ 369.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของจีน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ย.ปรับเพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบรายปี หลังจากขยายตัวรายปีที่ 8.9% ในเดือนส.ค.
ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ของจีน ขยายตัว 14.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.82 ล้านล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ขยายตัว 12.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี