สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) ขานรับข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) สหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 3 ปี 2555
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดปรับขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.27% แตะที่ 86.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดดีดขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ที่ 109.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 3.77 ดอลลาร์ หรือ 4.19% ขณะที่ น้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.54%
ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่าจีดีพีขยายตัว 2% ต่อปีในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งมากกว่าอัตราขยายตัวที่ระดับ 1.3% ในไตรมาสก่อนหน้า และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.8%
นอกจากนี้ รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี ที่ 82.6 ซึ่งส่งสัญญาณบวกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะมีความคืบหน้า
ส่วนสถานการณ์ความวุ่นวายในซีเรียและผลกระทบต่อประเทศใกล้เคียง รวมถึงความขัดแย้งที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับแผนการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ก็ได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำมันดิบเบรนท์
แต่การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันได้ถูกสกัดไว้ เนื่องจากคาดว่าพายุแฟรงเกนสตอร์มจะเริ่มพัดถล่มชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐในช่วงเช้าวันอาทิตย์นี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องปิดดำเนินการโรงกลั่น และอาจลดความต้องการพลังงาน เนื่องจากประชาชนต้องหลบภัยพายุอยู่ในบ้าน