สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.23 ดอลลาร์ หรือ 2.56% ปิดที่ 84.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำสถิติปรับตัวลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยลดลงทั้งสิ้น 1.42 ดอลลาร์หรือ 1.64%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วง 2.49 ดอลลาร์ หรือ 2.36% แตะที่ 105.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำสถิติลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 เช่นเดียวกัน โดยปรับตัวลงทั้งหมด 3.87 ดอลลาร์หรือ 3.5%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลังกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐออกกฎหมาย Jones Act ซึ่งเป็นกฎหมายชั่วคราว เพื่ออนุญาตให้เรือบรรทุกน้ำมันต่างประเทศในอ่าวเม็กซิโกสามารถเดินทางไปยังท่าเรือในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยบรรเทาภาวะน้ำมันขาดแคลนในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังปรับตัวลงหลังเรือบรรทุกน้ำมันและท่อส่งน้ำมันไปยังท่าเรือนิวเจอร์ซีย์และนิวยอร์กได้เปิดดำเนินการอีกครั้งหลังพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ผ่านพ้นไป
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 171,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวขึ้นแตะ 7.9% จากระดับ 7.8% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 4.8% เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์เครื่องบินที่แข็งแกร่ง
ในขณะเดียวกัน เงินสกุลดอลลาร์ได้ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเยนและยูโร โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปดอลลาร์มีราคาสูงขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดสัญญาน้ำมันร่วงลงด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน