สำนักงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 0.5% ในปีหน้า หากสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ไขปัญหาภาวะหน้าผาการคลังได้
ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่า หากสหรัฐล้มเหลวในการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาทางการคลังและต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ สหรัฐก็มีแนวโน้มจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือในปีหน้า ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐผ่านพ้นไปและบารัค โอบามาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 นั้น ฐานะการคลังระยะยาวของประเทศยังคงเป็นประเด็นที่สร้างความกังวล
นอกจากความกังวลในเรื่องดังกล่าวแล้ว สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงเมื่อวานนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 2 พ.ย.พุ่งขึ้น 1.77 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 374.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 131,000 บาร์เรล สู่ระดับ 118.1 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.88 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 202.4 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะร่วงลง 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันร่วงลง 2.3% สู่ระดับ 85.4% มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.4%