สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดดีดตัวขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.15% แตะที่ 86.07 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยในสัปดาห์นี้ได้ปรับตัวขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 1.40% หลังจากที่ปรับตัวติดลบในช่วง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดพุ่งขึ้น 2.15 ดอลลาร์ หรือ 2% ที่ 109.40 ดอลลาร์/บาร์เรล และในสัปดาห์นี้ ได้ทะยานขึ้น 3.72 ดอลลาร์ หรือ 3.52%
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ย.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้พุ่งขึ้น 2.3 จุด แตะ 84.9 ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี จาก 82.6 ในเดือนต.ค. โดยแสดงให้เห็นว่าเมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีผ่านพ้นไป และแม้ว่ายังคงมีปัญหาภาวะทางการคลังที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ แต่ผู้บริโภคชาวสหรัฐก็ยังคงรู้สึกเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้รับปัจจัยบวกมากขึ้น หลังปธน.โอบามากล่าวว่าเขาได้เชิญบรรดาผู้นำจากทั้งสองพรรคในสภาคองเกรสมายังทำเนียบขาวในสัปดาห์หน้า เพื่อเริ่มการหารือเพื่อเลี่ยงการเผชิญภาวะหน้าผาทางการคลัง ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 1 ม.ค.2556 หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ
ส่วนข้อมูลจากจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ก็ได้ช่วยหนุนตลาดน้ำมันต่อไป หลังรัฐบาลจีนรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนต.ค.ขยายตัว 9.6% เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 9.2% ในเดือนก.ย. ขณะที่ยอดค้าปลีกของจีนในเดือนต.ค.ปรับขึ้น 14.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 14.2% ในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีความเสี่ยงช่วงขาลง เช่น วิกฤตหนี้ยุโรป และการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกก็อยู่ในภาวะอ่อนแอ ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดแนวโน้มการขยายตัวของอุปสงค์ปี 2556 ลง 10,000 บาร์เรล/วันจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าการขยายตัวมีความเสี่ยงช่วงขาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า