สัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนม.ค.ที่ตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 1.58 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 88.07 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 86.55-88.69 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) เดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอนพุ่งขึ้น 1.25 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 110.76 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 109.45-111.30 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นขานรับจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัว 2.7% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบสามปี และสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ 2.0% อีกทั้งยังขยายตัวได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% เนื่องจากการปรับเพิ่มสต็อกสินค้าคงคลังและการส่งออกที่แข็งแกร่งขึ้น
ตลาดได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 พ.ย. ลดลง 23,000 ราย มาอยู่ที่ 393,000 ราย โดยเป็นการลดลงสองสัปดาห์ติดต่อกัน สะท้อนว่าความผันผวนในตลาดแรงงานสหรัฐอันเนื่องมาจากพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ได้เริ่มบรรเทาเบาบางลงแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากสถานการณ์ที่ไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงในอียิปต์ รวมทั้งความขัดแย้งกันระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส และความไม่สงบที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในซีเรีย ซึ่งนักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบอุปทานพลังงาน
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง หลังจากนายจอห์น โบเนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้า