สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 88 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 85.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.81-86.97 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอนร่วงลง 1.59 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 107.91 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 107.80-109.52 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า ความคิดเห็นของเขาและประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในเรื่องการคลังนั้น "ยังแตกต่างกันอยู่มาก" และประธานาธิบดีโอบามาก็ยังไม่ได้เสนอเรื่องการปรับลดงบประมาณการใช้จ่าย
นายโบห์เนอร์กล่าวว่า ข้อเสนอล่าสุดของประธานาธิบดีโอบามาในการจัดเก็บภาษีใหม่วงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์นั้น ไม่สอดคล้องกับคำสัญญาของเขาในเรื่องการใช้วิธีการที่สมดุลในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ และข้อเสนอนี้จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส นอกจากนี้ นายโบห์เนอร์กล่าวว่า การเจรจาต่อรองในเรื่องนี้อาจดำเนินต่อไปตลอดช่วงวันหยุด และอาจยืดเยื้อต่อไปจนถึงเส้นตายในช่วงสิ้นปี
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 843,000 บาร์เรล แตะที่ 372.6 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 118.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 217.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
ส่วนประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) นั้น ที่ประชุมมติคงเป้าหมายการผลิตน้ำมันไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวานนี้ ส่งสัญญาณว่าโอเปคพอใจกับราคาน้ำมันในขณะนี้ ด้านโฆษกของกลุ่มโอเปคกล่าวว่า โอเปคตัดสินใจคงเป้าหมายการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิม โดยพิจารณาจากความผันผวนและซบเซาของเศรษฐกิจโลกในปี 2556