ภาวะตลาดน้ำมันน้ำมัน WTI ปิดบวก 72 เซนต์หลังซาอุดิอาระเบียลดผลิตน้ำมัน

ข่าวต่างประเทศ Friday January 11, 2013 06:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) หลังจากจีนเปิดเผยว่ายอดการส่งออกขยายตัวได้ดีเกินคาด และซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่สุดของโลก ได้ปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 93.82 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.12% ปิดที่ 111.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยเมื่อวานนี้ ยอดการส่งออกของจีนในปี 2555 เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนยอดส่งออกในเดือนธ.ค.ขยายตัว 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 2.311 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2555 ซึ่งพุ่งขึ้น 48.1% จากปี 2554

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังพุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 4.9% หรือ 465,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 9.025 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดการผลิตรายเดือนลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2551

นักวิเคราะห์จากโซซิเอเต เจนเนอราล (ซอคเจน) กล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียได้ตัดสินใจปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงก็เพราะต้องการป้องกันไม่ให้ตลาดโลกตกอยู่ในภาวะที่มีปริมาณน้ำมันมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 4 ม.ค. พุ่งขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 361.3 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล

ทั้งนี้ EIA คาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2556 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 25% ภายในเวลาสองปี

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยลบจากจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ม.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 371,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 365,000 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ