สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 86 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 93.28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 94.44 - 93.22 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.58 ดอลลาร์ หรือ 1.41% ปิดที่ 110.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสปรับเพิ่มเพดานหนี้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งเลวร้ายที่อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรับกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยลบหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ออกรายงานเตือนว่า อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของสหรัฐ หากรัฐบาลกลางสหรัฐและสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากตลาดขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.5% แตะระดับ 4.1570 แสนล้านดอลลาร์ แม้ว่าสหรัฐยังคงเผชิญปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเกี่ยวกับนโยบายปรับเพิ่มภาษีและลดรายจ่าย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดค้าปลีกจะขยับขึ้น 0.2% ในเดือนสุดท้ายของปี 2555
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 ม.ค. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะพุ่งขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.3%