สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 1.64% ปิดที่ 96.17 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 97.76 95.89 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.16 ดอลลาร์ หรือ 0.99% ปิดที่ 115.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สัญญาน้ำมันดิบเริ่มเข้าสู่ระยะพักฐาน หลังจากที่ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ติดต่อกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ โดยในช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นไปแล้วกว่า 14% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นโดยรวม 9%
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยุโรป หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้น 0.14% แตะที่ 4.47% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปนพุ่งขึ้น 0.23% แตะที่ 5.44% เมื่อวานนี้
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นผลมาจากความผันผวนทางการเมืองของทั้งสองประเทศ รวมถึงข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรี มาริอาโน ราฮอย ของสเปนกำลังถูกกดดันจากฝ่ายค้านให้ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่เขามีส่วนพัวพันในกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริต
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันของสหรัฐประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ก.พ. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะลดลง 0.3%