สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับฐานลงหลังจาก IEA คาดว่า ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกอาจจะเพิ่มขึ้นเพียง 840,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2556 โดยปรับลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อนราว 90,000 บาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรหดตัวลง 0.6% ในไตรมาส 4 ปี 2555 หลังจากที่ปรับตัวลง 0.1% ในไตรมาส 3 และเมื่อเทียบเป็นรายปี เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 0.9% และรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า จีดีพีในไตรมาส 4/2555 ของญี่ปุ่นหดตัวลง 0.4% ซึ่งเป็นการหดตัวติดต่อกัน 3 ไตรมาส เนื่องจากยอดส่งออกและการลงทุนภาคธุรกิจชะลอตัวลง โดยจีดีพีไตรมาส 4 ของญี่ปุ่นออกมาสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลล์เกียวโดคาดว่าจะขยายตัว 0.6% ซึ่งเป็นการตอกย้ำมุมมองที่ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอย ท่ามกลางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อย หลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ก.พ.เพิ่มขึ้นเพียง 560,000 บาร์เรล แตะที่ 372.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพิ่มขึ้นไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะพุ่งขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นร่วงลง 3.68 ล้านบาร์เรล แตะที่ 125.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 803,000 บาร์เรล แตะที่ 233.2 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะทรงตัว ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันร่วงลง 0.4% แตะที่ 83.8% มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 0.2%