สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 93.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. ตลอดสัปดาห์ สัญญาน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.6%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 109.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า การผลิตในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งครอบคลุมถึงโรงงาน สาธารณูปโภค และเหมือง ขยายตัว 0.7% ในเดือนก.พ. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% ขณะที่การผลิตของโรงงานดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนก.พ. หลังจากที่หดตัวในเดือนม.ค. บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีแรงกระตุ้น
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่มีการเปิดเผยในวันเดียวกันนั้นออกมาทั้งที่เป็นบวกและลบ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ขยายตัว 0.7% ซึ่งถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินพุ่งสูง
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.2% เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมี.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ปรับตัวลดลงแตะ 71.8 จากระดับ 77.6 ในเดือนก.พ. นับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนธ.ค.2554
หลักฐานที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานจากตะวันออกกลาง ได้ช่วยสนับสนุนราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 6 ในรอบ 7 วัน เพราะได้ปัจจัยหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ
ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา สต็อกน้ำมันที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ซึ่งข้อมูลนี้ก็เป็นปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันเช่นกัน
สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันตามสัญญาในตลาด NYMEX ลดลง 1.53 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 49.3 ล้านในสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. โดยนักวิเคราะห์มองว่า การร่วงลงของสต็อกน้ำมันดิบที่คุชชิงกำลังบ่งบอกว่าภาวะซบเซาในตลาดน้ำมันจะผ่านพ้นไปแล้ว และจะช่วยดันสัญญาน้ำมัน WTI ให้ปรับตัวสูงขึ้น