สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.46% ปิดที่ 94.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.41% ปิดที่ 105.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 เม.ย.เพิ่มขึ้น 250,000 บาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 169,000 บาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมัน เพิ่มขึ้น 0.5% แตะที่ 86.8% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานศุลกากรของจีน (GAC) ในวันนี้ว่า ในเดือนมี.ค. ปริมาณน้ำมันดิบนำเข้าของจีนเพิ่มขึ้นแตะ 23.05 ล้านตัน จาก 20.78 ล้านตันในเดือนก.พ. ขณะเดียวกันจีนได้ส่งออกน้ำมันดิบปริมาณ 640,000 ตันในไตรมาสแรกของปี 2556 ลดลง 31.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดน้ำมันด้วย โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 128.78 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 14,802.24 จุด ขานรับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า คณะกรรมการเฟดมีความเห็นที่พ้องกันในเรื่องประโยชน์ของการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE