สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 87.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 99.13 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจาก EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. ลดลง 1.23 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 387.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 2.36 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 115.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 633,000 บาร์เรล สู่ระดับ 221.7 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.5% แตะระดับ 86.3%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากมีรายงานว่า สเปนสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรได้ในวงเงิน 4.7 พันล้านยูโรในวันนี้ มากกว่าเป้าหมายสูงสุดที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 4.5 พันล้านยูโร โดยพันธบัตรดังกล่าวมีกำหนดการไถ่ถอนในปี 2559 และ 2566 สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสเปน และนักลงทุนมีความกังวลน้อยลงนับตั้งแต่ที่ธนาคารกลางยุโรปประกาศว่าพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือสเปนในการแก้ไขปัญหาหนี้ หากจำเป็น
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2556 เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุโรปและญี่ปุ่น ปรับตวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ โอเปคคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเพียง 800,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ครั้งที่แล้วประมาณ 40,000 บาร์เรลต่อวัน
สมาชิก 12 ประเทศของกลุ่มโอเปคมีกำหนดประชุมร่วมกันที่กรุงเวียนนาในวันที่ 31 พ.ค. เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายการผลิต หลังจากที่มีมติคงเป้าหมายการผลิตโดยรวมของกลุ่มที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว