สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.32% ปิดที่ 88.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.52% ปิดที่ 99.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยในวันศุกร์ สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้น้ำมันที่กำหนดราคาในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลง และดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น
ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจลดกำลังการผลิตลง เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงไปมากกว่านี้ โดยสมาชิกโอเปคบางประเทศระบุว่า ราคาน้ำมันที่สมเหตุสมผลสำหรับผู้บริโภคและผู้ผลิตควรอยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ บริษัทวิจัยฮาลิแฟกซ์ระบุในรายงานว่า โอเปคอาจลดการส่งออกน้ำมันในเดือนนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ ขณะที่โรงกลั่นหลายแห่งเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงประจำปี
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งสัปดาห์ ราคาน้ำมันได้ร่วงลงไป 3.6% และดิ่งลงถึงเกือบ 10% ในเดือนเม.ย. เนื่องจากนักลงทุนแห่ถอนการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและการคาดการณ์การขยายตัวที่อ่อนแอ
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนขยายตัว 7.7% ในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งชะลอตัวจาก 7.9% ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2555 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2556 สู่ระดับ 3.3% ซึ่งเป็นการปรับลดลง 0.2% จากที่ประเมินไว้เมื่อเดือนม.ค.