สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.43 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 91.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 2.42 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 99.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหดตัวของอุปสงค์พลังงาน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 26 เม.ย. พุ่งขึ้น 6.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 395.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นเพียง 950,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลด้านการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐและจีน โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย.อยู่ที่ระดับ 50.7 ลดลงจากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 51.3
ทั้งนี้ แม้ว่าดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัว แต่ดัชนี PMI เดือนเม.ย.ที่ชะลอตัวลงจากเดือนมี.ค.สะท้อนให้เห็นว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงเปราะบาง
ขณะที่สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.6 จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 50.9
ทั้งนี้ แม้ดัชนีที่สูงกว่า 50 จะบ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคการผลิตยังคงมีการขยายตัวและดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 มาเป็นเวลา 7 เดือนแต่ต่อกัน แต่การชะลอตัวของดัชนีภาคการผลิตสะท้อนให้เห็นว่า จีนจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ตลาดได้รับแรงกดดันมากยิ่งขึ้นจากข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ โดย ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่ม 119,000 ตำแหน่งในดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ไว้