สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 93.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 92.38-94.41 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค.ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในคืนวันพุธตามเวลาไทยนั้น จะพุ่งขึ้น 500,000 บาร์เรล
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 400,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะพุ่งขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล อีกทั้งคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.6%
ในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านพลังงานของภาคเอกชนสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นุดวันที่ 31 พ.ค. ร่วงลง 7.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 241,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับ 82.84 จุด จากระดับของวันจันทร์ที่ 82.687 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่ายอดขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.5% แตะที่ 4.03 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับของเดือนมี.ค.ที่ 3.71 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ยอดขาดดุลการค้าเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรต่อไปหรือไม่ หลังจากนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตาได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนการใช้โครงการซื้อพันธบัตรและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดต่อไป