สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ขยับลง 8 เซนต์ ปิดที่ 97.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 105.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตร โดยนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 18 มิ.ย.และเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 19 มิ.ย.
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนต่อไปหรือไม่ หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า การลดขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์ อาจจะมีขึ้นในการประชุมในอีกไม่กี่ครั้งข้างหน้า หากตลาดแรงงานของสหรัฐฟื้นตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเฟดสาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 7.84 จาก -1.43 ในเดือนพ.ค. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาวะทางธุรกิจของภาคการผลิตในนิวยอร์กได้กลับมาขยายตัวอีกครั้งในเดือนนี้
ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐ เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐในเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้นแตะ 52 จาก 44 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีได้ปรับตัวเหนือระดับ 50 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2549 หรือในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านในเดือนมิ.ย.ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ระดับ 45 และแตะระดับสูงสุดนับแต่เดือนมี.ค.2549
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 มิ.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลงราว 650,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 450,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 350,000 บาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจจะเพิ่มขึ้น 0.4%