สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ ปิดที่ 101.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องของจีน หลังจากธนาคารกลางจีนเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการควบคุมความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขยายวงเงินกู้ และย้ำว่าปริมาณสภาพคล่องในระบบการเงินของจีนอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจะยังไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อผ่อนคลายภาวะการเงินตึงตัว
แต่หลังจากนั้น สัญญาน้ำมันดิบเริ่มดีดตัวขึ้นและปิดในแดนบวก หลังจากมีรายงานว่าบริษัท เอ็นบริดจ์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งน้ำมันรายใหญ่สุดของแคนาดา ได้ปิดท่อส่งน้ำมันบางส่วนในเมืองอัลเบอร์ตาที่เชื่อมต่อไปยังสหรัฐ หลังจากมีการตรวจพบน้ำมันดิบรั่วไหล เนื่องจากฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วม
ทั้งนี้ แคนาดาเป็นแหล่งน้ำมันดิบรายใหญ่ของสหรัฐ โดยแคนาดาลำเลียงน้ำมันให้กับสหรัฐในสัดส่วน 28% ของปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมดของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากเหตุการณ์รุนแรงในซีเรีย ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้การลำเลียงน้ำมันในตลาดออกกลางเผชิญปัญหาติดขัด
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งจะมีขึ้นในวันพุธนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 มิ.ย. เพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล แตะ 394.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า จะลดลง 650,000 บาร์เรล