AFET ดีเดย์ซื้อขายยางพารา Mini-Size 1 ตันใน Q4/57 ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง-ขยายฐาน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 3, 2014 11:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศักดิ์ดา ทองปลาด รองผู้จัดการ สายงานธุรกิจ และผู้ทำการแทนผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ามีมติอนุมัติให้นำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ขนาดเล็ก 1 ตัน (1,000 กิโลกรัม) (Mini-Size Contract) เข้ามาซื้อขายโดยให้ค่อยๆ ทดแทนจากขนาดสัญญาเดิมที่มีหน่วยการซื้อขาย 5 ตัน (5,000 กิโลกรัม) ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังได้ปรับจำนวนฐานะการถือครองสัญญาของผู้ลงทุน (Speculator) และผู้ประกันความเสี่ยง (Hedger) และการปรับโครงสร้างค่านายหน้าให้ไม่เป็นภาระแก่ผู้ถือสัญญาเดิม และจูงใจให้เกิดการเข้ามาซื้อขายของรายใหม่ๆ อีกด้วย สำหรับสัญญาใหม่ขนาดเล็ก 1 ตัน (Mini-Size Contract) นี้ จะนำขึ้นกระดานซื้อขายเป็นสินค้าอีกตัวหนึ่งคู่กับสัญญายางแผ่น ขนาด 5 ตันในปัจจุบัน โดยจะค่อยๆ ปรับลดเดือนส่งมอบของสัญญาเดิม เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ยังคงถือสัญญาเดิมค่อยๆ ปรับเปลี่ยนหรือปิดสถานะออกจากตลาดไป โดย AFET จะซื้อขายยางสัญญาขนาดเล็กดังกล่าว ในไตรมาส 4 ของปี 2557

การนำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ขนาดเล็ก (Mini-Size Contract) เข้าซื้อขายนี้ ก็เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการยางพาราขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) สามารถเข้ามาใช้กลไกตลาดล่วงหน้าในการบริหารความเสี่ยงได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังจะช่วยผลักดันให้ AFET มีปริมาณการซื้อขายและมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น เกิดความคล่องตัวในการซื้อขายจากโอกาสในการจับคู่คำสั่ง (Matching) ที่จะมีมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมไปยังกลุ่มนักลงทุนรายย่อยได้ด้วย เนื่องจากสัญญาขนาด 1 ตันนี้ มีปริมาณสินค้าเพียง 1 ใน 5 ของสัญญาเดิม ทำให้ใช้เงินลงทุนหรือเงินวางประกันน้อยลง จึงทำให้การขยายฐานผู้ที่จะเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ในด้านความเสี่ยงหรือผลกำไรขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาก็ลดจำนวนเงินลงด้วย จากปริมาณยางและมูลค่าต่อสัญญาที่ลดลงดังกล่าว ผู้ประกอบการและนักลงทุนรายย่อย จึงสามารถตัดสินใจลงทุนหรือทดลองเข้าซื้อขายได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ AFET ได้หารือผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้วเห็นว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการยางพาราที่มีขนาดของธุรกิจใหญ่กว่าสัญญาขนาดเล็กดังกล่าว ที่อาจจะต้องมีภาระในการซื้อขายและเก็บปริมาณสัญญามากขึ้นนั้น เมื่อพิจารณาถึงสภาพคล่องและความคล่องตัวที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการมีผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มสหกรณ์ และนักลงทุนเข้ามามากขึ้น ก็น่าจะทำให้การซื้อขายทำได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงระยะเวลาก่อนเปิด ซื้อขายจริง AFET ก็ยังคงต้องรับฟังความคิดเห็นเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ปลีกย่อยที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์อย่างรอบคอบก่อนเริ่มทำการซื้อขาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ