นายธนเสฏฐ์ ดีประเสริฐกุล นักวิเคราะห์จากบริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาสามารถผ่านแนว 60 บาท/กก.ขึ้นไปได้ ด้วยนโยบาย Buffer Funds หลังจากนั้นราคาก็ปรับตัวลดลงมาตลอด โดย มีผลกระทบจากปัจจัยภายนอกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว นำโดย สหรัฐ ญี่ปุ่น และ จีน ความกังวลใน สถานการณ์ยูโรโซน การบอยคอตรัสเซีย เรื่อยมาจนถึงข่าวซาอุดิอาระเบียบุกเยเมน ทำให้ปัจจัยพื้นฐานโดยตรงที่จะส่งผลต่อราคา ยางพารายังไม่มีอะไรใหม่
โดยช่วงนี้ทางเรามีมุมมองว่าช่วงนี้เป็นการเก็งกำไร โดยมีผลจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีส่วนสำคัญต่อราคาน้ำมันดิบ WTI และ ราคาทองคำในตลาด Commodity Futures เป็นหลัก และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ส่งผลต่อค่าเงินเยนด้วยและกรอบของ การกลับทิศเป็นขาขึ้นของ WTI และทองคำนั้นอยู่ที่ 55$ และ 1220$ ตามลำดับ
ปัจจัยภายในประเทศยังต้องรอดูนโยบายการกระตุ้นการใช้ยางพาราภายในประเทศให้มากขึ้น
ประเมินกรอบราคาวันพรุ่งนี้ แนวต้าน 57, 58 และ 59 บาท/กก. แนวรับ 56 และ 55.50 บาท/กก.
ส่วนปริมาณสัญญาซื้อขายคงค้าง(Open Interest) อยู่ที่ 1,463 สัญญา เพิ่มขึ้น 5 สัญญา
ภาวะการซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3(RSS3) เดือน ราคาปิด ราคาปิด ปริมาณ ครั้งก่อน วันนี้ การซื้อขาย MAY 15 56.90 55.50 22 JUN 15 57.10 - 0 JUL 15 56.60 - 0 AUG 15 57.20 56.30 4 SEP 15 56.75 56.30 14 OCT 15 56.80 56.20 53 NOV 15 56.90 56.00 56 รวม 149