นายธนเสฏฐ์ ดีประเสริฐกุล นักวิเคราะห์จากบริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ราคา AFET ปรับตัวลดลง หลังตัวเลข GDP ประเทศไทยออกมาต่ำกว่าที่คาดแต่ยังไม่หลุด 3% ซึ่งส่วนตัวมองว่าภาพรวมยังไม่แย่เท่าไหร่ โดยต้องรองบประมาณ การใช้จ่ายภาครัฐในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่น่าจะเริ่มเห็นผลในไตรมาสที่ 2 และตัวเลขการส่งออกที่น่าจะเริ่มฟื้นตัว หลัง จากที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยตัวเลขสำคัญนั้นอยู่ที่ GDP ไตรมาสที่ 2 ของประเทศไทยไม่ควรจะต่ำกว่า 3.5-3.7%
ประเด็นสำคัญภายในประเทศช่วงนี้ที่เกี่ยวข้องกับราคายางพาราได้แก่ พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย ข่าวจีนตกลง จะรับซื้อยางพาราไทย 2 แสนตัน การลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ และการกระตุ้นการใช้ยางพาราภายใน ประเทศให้มากขึ้น แต่ต้องระวังแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ค่าเงินบาท และค่าเงินเยน
ประเมินแนวต้าน 62.50 และ 64 บาท/กก.ส่วนแนวรับ 61.50, 61 และ 60.50 บาท/กก.
ส่วนปริมาณสัญญาซื้อขายคงค้าง(Open Interest) อยู่ที่ 1,256 สัญญา ลดลง 36 สัญญา
ภาวะการซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3(RSS3) เดือน ราคาปิด ราคาปิด ปริมาณ ครั้งก่อน วันนี้ การซื้อขาย JUN 15 62.00 61.50 10 JUL 15 62.00 61.50 8 AUG 15 61.80 - 0 SEP 15 62.00 61.50 2 OCT 15 62.00 61.30 4 NOV 15 61.85 61.10 14 DEC 15 62.00 61.15 47 รวม 88