นายธนเสฎฐ์ ดีประเสริฐกุล นักวิเคราะห์จากบริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ราคายางพารา AFET ปรับ ตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตลาดยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ส่วนราคา WTI ตลาด Commodity Futures พยายามทรงตัวให้ยืนเหนือ 45-46 ดอลลาร์/บาร์เรลให้ได้ เพื่อจะไปทดสอบแนวต้านแถวๆ 49.3 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนค่าเงินเยนยังอยู่ในกรอบ 119-120 เย นต่อดอลลาร์สหรัฐต่อ โดยวันที่ 6-7 ต.ค.จะมีการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต้องติดตามว่าจะมีการเพิ่มมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจอะไรเพิ่มหรือไม่ เนื่องจากโดยมุมมองส่วนตัวทางเรามองว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีนัก
ขณะที่เดือนนี้มีประเด็นเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามคือ ช่วงกลางเดือนตุลาคมมีการประกาศ GDP จีน และ ช่วงปลาย เดือน มีการประชุม FOMC ก่อนที่จะเว้นว่างไปครั้งสุดท้ายในปีนี้ช่วงเดือนธันวาคม โดยการประชุมเฟดครั้งนี้น่าติดตามว่าจะมีประเด็น เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนนี้ที่ประกาศออกมาถึงจะสูงกว่าเดือนที่ แล้วแต่ค่ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ต่างประเทศมีมุมมองในเรื่องนี้ว่าตลาดแรงงานยังไม่แข็งแรง อาจจะทำให้เป็นประเด็นให้เฟด เลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน ซึ่งต้องติดตามต่อไป
ประเมินกรอบราคา AFET แนวต้าน 51.7/53.7 บาท/กก.แนวรับ 50/49/48 บาท/กก.
"ถ้า AFET ผ่าน 50.5 แล้ว ลุ้นทดสอบ 51.70 ไม่ผ่าน ลงต่อ // ดูแนวรับที่ 50/49 ขณะที่ TOCOM ถ้าไม่ผ่าน 170 ก็ลงต่อ ส่วน SHFE sideway กรอบ 12000-11000 แนวรับ 11500-11300 (จีนหยุด 1-7 ต.ค.)...ทั้ง 3 ตลาดเริ่มอยู่ ในกรอบ sideway หลุดด้านใดไปด้านนั้น ด้วยแรงพอสมควร"
ส่วนปริมาณสัญญาซื้อขายคงค้าง(Open Interest) อยู่ที่ 2,420 สัญญา ลดลง 27 สัญญา
ภาวะการซื้อขายยางแผ่นรมควันชั้น 3(RSS3) เดือน ราคาปิด ราคาปิด ปริมาณ ครั้งก่อน วันนี้ การซื้อขาย NOV 15 48.10 48.50 10 DEC 15 48.80 - 0 JAN 16 49.60 50.20 1 FEB 16 50.50 50.50 2 MAR 16 50.75 51.30 9 APR 16 51.20 51.50 15 MAY 16 51.20 51.60 33 รวม 70