กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 14 ธ.ค.ร่วงลง 7.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 296.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ก.พ.2548
ขณะที่น้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 129.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล แต่น้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 3.0 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 205.2 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า ความต้องการน้ำมันเบนซินลดลงประมาณ 61,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันลดลง 1% สู่ระดับ 87.8% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.3% ขณะที่ยอดนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 123,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองข้างต้นไม่นับรวมกับคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve) ของสหรัฐซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ประมาณ 689 ล้านบาร์เรล แต่ต่อมาประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ ประกาศให้ปรับเพิ่มคลังน้ำมันสำรองประเภทดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลภายในปี 2570 เพื่อรับมือกับภาวะติดขัดที่อาจเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--