ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 1.84 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (26 ธ.ค.) เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมัน หลังจากมีข่าวว่ากองกำลังทหารตุรกีเปิดฉากโจมตีทางอากาศในพื้นที่ตอนเหนือของอิรัก เพื่อปราบกลุ่มกบฏชาวเคิร์ด และจากการคาดการณ์ที่ว่าน้ำมันดิบสำรองประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลงอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดพุ่งขึ้น 1.84 ดอลลาร์ แตะระดับ 95.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 4.65 เซนต์ ปิดที่ 2.641 ดอลลาร์ต่อแกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 6.86 เซนต์ ปิดที่ 2.4526 ดอลลาร์ต่อแกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 93.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กองทัพตุรกีเปิดฉากโจมตีทางอากาศในพื้นที่ตอนเหนือของอิรัก โดยได้ทำลายฐานที่มั่น 8 แห่งของกลุ่มกบฏชาวเคิร์ด ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 สัปดาห์ที่กองกำลังทหารตุรกีบุกเข้าโจมตีกบฏชาวเคิร์ดในกบดานอยู่ในดินแดนอิรัก
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า ผลผลิตน้ำมันของอิรักเพิ่มขึ้น 2.32 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถิติในเดือนต.ค. และสูงขึ้นจากระดับ 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมน้ำมันของอิรักได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่กองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐได้บุกทำสงครามในอิรัก อีกทั้งได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันหลักๆของประเทศ
นายไมค์ ฟิทซ์แพทริค นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอลในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลเรื่องภาวะติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมันและการวินาศกรรมท่อส่งน้ำมันหลักๆในอิรัก"
ข่าวกองทัพตุรกีบุกอิรักเกิดขึ้นในช่วงที่นักลงทุนกำลังรอดูข้อมูลน้ำมันดิบสำรองประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนวันพฤหัสบดี โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าน้ำมันดิบสำรองจะร่วงลงอีก 1.3 ล้านบาร์เรล น้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซลและฮีทติ้งออยล์จะลดลง 800,000 บาร์เรล แต่คาดว่าน้ำมันเบนซินสำรองจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ คาดว่าอัตราการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.6% แตะระดับ 88.4%
ส่วนในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองร่วงลง 7.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 296.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 11 ก.พ.2548
ขณะที่น้ำมันกลั่นสำรองซึ่งรวมถึงน้ำมันฮีทติ้งออยล์และเชื้อเพลิงดีเซล ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 129.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล แต่น้ำมันเบนซินสำรองเพิ่มขึ้น 3.0 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 205.2 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.0 ล้านบาร์เรล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--